หน้าแรก

สวัสดีค่ะมิตรชาวไร่ทุกท่าน เดือนกรกฎาคมนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ หลายพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง บางที่ฝนก็เล่นตัวทิ้งช่วงหลายวันกว่าจะหลั่งลงมาสักที ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างรวมกัน พื้นที่ของชาวไร่ที่ไหนมีฝนตกชุ่มฉ่ำ มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ อย่าลืมเก็บกักน้ำฝนให้ได้เต็มที่ ส่วนอ้อยตอที่ได้รับฝนตามฤดูกาลก็คงกำลังเบ่งบานตามอายุการเจริญเติบโต

พูดถึงเรื่องฝน ไม่ได้มีแต่เรื่องเย็นกายสบายใจเสมอไป เพราะหลายโรคระบาดที่มักมากับฝน เป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อชีวิตของคนเรามานักต่อนัก โดยเฉพาะไข้เลือดออก ฉายานักฆ่าในหน้าฝน ไม่ได้มาเพราะความบังเอิญ แต่มาจากสถิติคนเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคนี้มีสูงมากในแต่ละปี ถึงแม้ปีนี้คนจะโฟกัสที่ข่าวโควิด-19 มากกว่า แต่ความน่ากลัวของโรคไข้เลือดออก ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มจึงอยากให้มิตรชาวไร่ตระหนักถึงอันตรายจากโรคร้ายนี้ให้มากขึ้น และช่วยกันป้องกันเฝ้าระวัง ลูกหลานและคนในครอบครัวให้ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างรู้ทัน

เตือนชาวไร่ระวัง-003.jpg

โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติด “เชื้อไวรัสเดงกี” ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 1, 2, 3 และ 4 การระบาดมักเกิดในช่วงฤดูฝน โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งในอดีตจะพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากในวัยเด็ก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มอายุผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกได้ขยายไปยังกลุ่มวัยรุ่น และผู้ใหญ่วัยทำงานมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันตัวเลขของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

  • อาการของโรคไข้เลือดออก

อาการและความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นในวัยเด็กและผู้ใหญ่นั้นไม่ต่างกันมากนัก เนื่องจากอายุไม่ได้เป็นตัวชี้ชัดแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรุนแรงที่ต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ รวมไปถึงพันธุกรรมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แม้จะป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกสายพันธุ์เดียวกัน ก็มีอาการความรุนแรงไม่เท่ากัน โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออกจะมาด้วยอาการเบื้องต้นที่เหมือนกันดังนี้

– มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียส

– ปวดเมื่อยตามตัว บางรายปวดไปถึงกระดูก

– คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร

– มีเลือดออกที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็ก ๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้

– มีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน

– เกร็ดเลือดต่ำ

– อุจจาระเป็นเลือด

  • ระยะของไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกสามารถแบ่งได้ 3 ระยะด้วยกันคือ ระยะไข้สูง เป็นช่วงที่ไม่อันตรายเท่าไร แต่อาจทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลีย หมดแรง อาเจียน รับประทานอาหารได้น้อย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เมื่อผ่านระยะไข้สูงแล้วจะเข้าสู่ ระยะฟื้นตัว ที่ร่างกายจะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น จนกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่จะมีผู้ป่วยส่วนน้อยที่เข้าสู่ ระยะวิกฤต ซึ่งเป็นช่วงที่เป็นอันตรายที่สุดโดยเป็นช่วงที่ผู้ป่วยมีไข้สูงและไข้ลดลง แล้วมีอาการช็อกตามมา

  • วิธีการรักษา

สำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งมีไข้ แนะนำให้พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำ รับประทานอาหารอ่อน ๆ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ ไม่ควรรับประทานยาไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน หากผู้ป่วยมีไข้ได้ประมาณ 3-4 วันแล้วไม่ลด แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ หากเจาะเลือดแล้วพบว่าเกร็ดเลือดต่ำ แพทย์จะแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อรับน้ำเลือดและติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด เพราะผู้ป่วยอาจเข้าสู่ระยะวิกฤตได้ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสเดงกีโดยเฉพาะ

สำหรับวิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออก เนื่องจากไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากยุงลายเป็นพาหะนำโรค ดังนั้นมิตรชาวไร่ควรกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านและชุมชน ด้วยการปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังให้มิดชิด ไม่ให้ยุงเข้าไปวางไข่ได้ หยอดทรายอะเบตในโอ่งหรืออ่างน้ำ เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุกสัปดาห์ ดูแลความสะอาดปรับสภาพแวดล้อมบริเวณบ้านให้ปราศจากภาชนะที่มีน้ำขังได้ เช่น ยางรถยนต์ จาน ชามเก่าที่วางทิ้งไว้ เป็นต้น เพียงเท่านี้มิตรชาวไร่และครอบครัวก็ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกได้แล้วค่ะ

ขอบคุณที่มาข้อมูล-ภาพ

https://www.rama.mahidol.ac.th/

ภาพโดย skeeze จาก Pixabay

http://www.aynewrites.com/

ข่าวปักหมุด