หน้าแรก

แนวคิดการอยู่อย่างพอมีพอกินด้วยการทำเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นแนวคิดที่ได้รับการสื่อสารและถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนาน เกษตรกรหลายรายประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเกษตรกรต้นแบบ ซึ่งวันนี้คนเก่งเกษตรสมัยใหม่มีหนึ่งตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ประสบความสำเร็จและน่าชื่นชมด้วยแนวคิด เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง

พ่อดาวเรือง ไชยโชติ อดีตพ่อค้าผู้ตัดสินใจเดินเส้นทางเกษตรกรโดยใช้พื้นที่เพียง 14 ไร่ ที่บ้านหนองบัวใน ต.หนองบัว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ปลูกพืชกว่า 50 ชนิด จากการปลูกแบบผสมผสาน และใช้ความรู้เกี่ยวกับเกษตรสมัยใหม่ เข้ามาเป็นหลักในการทำเกษตร ทำให้สามารถปลูกพืชไว้สำหรับรับประทานเองภายในครัวเรือนแล้ว ยังสามารถนำไปขายเป็นรายได้มาใช้จ่าย ส่งเสียให้ลูกทั้งสามเรียนจนจบปริญญา

ดาวเรือง-003.jpg

Q : จุดเริ่มต้นของการเป็นเกษตรกร

A :  ก่อนทำเกษตรพ่อทำอาชีพค้าขาย แต่เศรษฐกิจไม่ดี ต้องเลิกกิจการ พอดีมีที่อยู่ตรงนี้ จึงตัดสินใจมาทำเกษตรดู เริ่มจากปลูกพืชล้มลุก อย่างพริก แต่พริกต้องหมั่นดูแล เลยเปลี่ยนมาปลูกพืชยืนต้นแทน ก็หาไผ่ หามะนาวมาปลูก เพราะพวกนี้ไม่ต้องดูแลมาก ประกอบกับช่วงนั้นละแวกนี้ไม่มีคนปลูกไผ่ปลูกมะนาว ผลผลิตเราเลยขายดีมาก

Q : ก้าวแรกสู่เกษตรทฤษฎีใหม่

A : ก่อนจะทำไร่สวนแบบโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ของมิตรผล พ่อก็ปลูกเรื่อยเปื่อย ปลูกไปกินไป พอดีหัวหน้าเขตของมิตรผลมาเห็นแปลงของพ่อ ก็ชวนเข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ เราสนใจก็เข้าร่วมโครงการ ไปอบรมที่ อ.กมลาไสย ได้เห็นพื้นที่ของคนอื่น ก็เกิดแรงบันดาลใจว่าเขายังทำได้ พื้นที่ของเราดีกว่าของเขาอีก ทำไมเราจะทำไม่ได้ พอคิดได้แบบนั้นก็เปลี่ยนเลย พื้นที่ของเราเป็นดินทรายก็เอามาปรับเปลี่ยน ให้กลายเป็นดินร่วน มีไส้เดือน ปรับปรุงให้ดินมันสมบูรณ์ขึ้น โดยใส่ขี้หมูขี้ไก่ในดิน เพราะว่าเราเลี้ยงหมูด้วย มีเวลาก็เอามูลสัตว์เหล่านี้ไปตักใส่ดินใส่ต้นไม้ แล้วก็เพิ่มเป็นโดโลไมท์ที่ได้มาจากกรมพัฒนาที่ดินใส่ลงไป

Q : ทำไมต้องปรับปรุงดิน

A : การปรับปรุงดินในพื้นที่ไม่ใช่เรื่องยาก การปรับปรุงดินใช้เวลาไม่นานถ้าทำตามสูตร พ่อใช้ปุ๋ยซอยล์เมตที่ทางมิตรผลแจกมา นำมาหว่านลงไปแล้วใช้รถไถกลบในหน้าแล้ง พอฝนตกลงมาดินมันจะมีช่องอากาศ ดินมีอากาศหายใจ ถ้าดินได้หายใจปลูกอะไรก็งาม ถ้าฝนมาเร็ว ดินยิ่งทำปฏิกิริยาได้ดี ต้นไม้ก็เหมือนกับคนต้องการอาหารดี ๆ เราปรุงดิน เตรียมดินให้พร้อม มันก็เจริญเติบโตให้ผลตอบแทนเรา

Q : ทำไมพื้นที่น้อย แต่ได้ผลมาก

A : แม้พื้นที่ทำเกษตรทั้งหมดของพ่อจะมีเพียง 14 ไร่ แต่พื้นที่ 14 ไร่นี้ เรียกได้ว่ามีทุกอย่าง ปลูกอ้อย ปลูกข้าว ปลูกไผ่ มีสระน้ำ เลี้ยงกบ เลี้ยงปลานิล ทำเป็นสัดส่วน พืชผักสวนครัวก็ปลูกตะไคร้ ปลูกข่า ปลูก 50 กว่าอย่าง เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ วางแผนไปเรื่อย ๆ พื้นที่ไหนว่าง พอเหมาะพอดี อยากปลูกอะไรก็ปลูกเลย พ่อเน้นใช้พื้นที่ให้คุ้ม พืชไหนต้องปลูกไว้กินก็ปลูก เว้นเป็นช่อง ๆ ปลูกเองกินเองไม่ต้องซื้อเขากิน พอเหลือก็นำไปขายได้เงินมาจุนเจือครอบครัว

ดาวเรือง-004.jpg

Q : อยากมีต้องเก็บ

A: บ้านของพ่อดาวทำบัญชีครัวเรือน เพื่อให้เห็นรายได้ของครอบครัว แต่ก่อนไม่ได้ทำบัญชี ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พอตอนหลังมาคุยกันกับภรรยา เราอยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายในบ้านมีเท่าไหร่ ขายอ้อยได้เท่าไหร่ ขายข้าวได้เท่าไหร่ จึงเป็นที่มาของการทำบัญชีครัวเรือน เก็บนู่นเก็บนี่ขาย เฉลี่ยรายได้ตกวันละ 500-1,000 บาท อะไรพอขายได้ก็ขาย ช่วงฤดูแตงก็มีแตงขาย หน้าถั่วก็มีถั่วขาย ถึงเวลาขายมะนาวก็มีขาย ไผ่ อ้อย ข้าวโพด วนเวียนกันอยู่แบบนี้ ขายได้ทั้งปี เก็บเล็กผสมน้อยก็มีเงินให้เห็นเป็นก้อน

Q : ฝากถึงเกษตรกรที่อยากเริ่มทำเกษตรสมัยใหม่

A : ใครที่อยากทำเกษตร พ่อแนะนำว่าคิดแล้วต้องทำ ทำวันละนิดวันละหน่อย ทำเกษตรช่วยให้จิตใจแจ่มใส ตื่นขึ้นมาได้ดูต้นไม้ ดูผลงานของตนเอง ได้รดน้ำต้นไม้ให้ชุ่มฉ่ำ ใจเราก็ชุ่มฉ่ำไปด้วย กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง พ่อรับรองมีผลสำเร็จแน่นอน

มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มเชื่อว่า เกษตรกรต้นแบบอย่างพ่อดาวเรือง มีให้เราได้เห็นและชื่นชมหลายคนทั่วประเทศ แต่เมื่อเห็นแล้ว ใครที่เกิดแรงบันดาลใจ อยากเดินตามรอยเท้าคนเก่งเหล่านี้ ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำได้ทันทีค่ะ อย่าลืมว่าคนเริ่มก่อนมักได้เปรียบ และที่สำคัญ ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอนยังใช้ได้ดีเสมอค่ะ

ข่าวปักหมุด