หน้าแรก

เทรนด์การออกกำลังกายช่วงนี้ มาแรงแซงทุกโค้ง ตั้งแต่โรคภัยไข้เจ็บได้กลายพันธุ์ออกมากหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น ทำให้คนเริ่มกระตุ้นตัวเองและคนรอบข้างให้หันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเพื่อต่อสู้กับโรคภัย ยิ่งโดยเฉพาะผู้สูงอายุ คนมีโรคประจำตัว อย่างโรคอ้วน การดูแลตัวเองด้วยการลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายห่างจากโรคยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ

แน่นอนว่าการลดน้ำหนักทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการออกกำลังกาย และการควบคุมอาหาร ในส่วนของการออกกำลังกายนั้น แต่ละวิธีต้องเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทั้งความพร้อม สภาพร่างกาย ความสะดวก และอีกหลาย ๆ อย่าง เป็นต้น

วันนี้มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม มีวิธีการออกกำลังกายอีก 1 ประเภท ที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย นั่นคือ การเดิน ซึ่งการเดินเพื่อให้ได้ผลด้านลดน้ำหนักนั้น ควรมีหลักการที่เหมาะสม ดังนี้

  1. เดินวันละ 30 นาที - 1 ชั่วโมง

    แม้การเดินจะไม่ใช่การออกกำลังกายที่หนัก แต่การเดินอย่างสม่ำเสมอจะให้ผลดีกว่าการเดินนาน ๆ แต่น้อยครั้ง สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มจากการเดินเล่นช้า ๆ เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นเคยสักระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยเริ่มเดินเร็วขึ้น หากต้องการลดความอ้วนโดยปกติแล้วควรเดินด้วยความเร็วประมาณ 6 กิโลเมตร / ชั่วโมง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 4 ครั้ง

    แต่ผลของการออกกำลังกายอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า เดินเร็วแค่ไหน ท่าทางในการเดินเป็นอย่างไร และลักษณะเส้นทางที่เดินเป็นอย่างไร หากเป้าหมายคือการเดินวันละ 14,000 ก้าว สัปดาห์ละ 4 ครั้ง แต่ไม่สามารถจัดเวลาให้ทำตามเป้าหมายได้ในครั้งเดียว ก็สามารถแบ่งเดินช่วงเช้าและเย็น ช่วงละ 40 นาทีขึ้นไป ถ้าแบ่งเป็นสองช่วงแล้วยังทำได้ยาก ให้เพิ่มความถี่ในการเดิน แทนที่จะลดให้เหลือเพียง 30 - 40 นาที

  2. เดินอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

    สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเดินออกกำลังกายคือ ความสม่ำเสมอ การพยายามเดินในเวลาเดิมเสมอเพื่อผลในการออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่ายจนล้มเลิกกลางคันได้ ควรเดินทุกครั้งเมื่อมีเวลาจะดีกว่า การเดินในช่วงเวลาสบาย ๆ อย่างสม่ำเสมอทุกวัน จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

  3. ควรเดินเมื่อใด และอย่างไร

    การตื่นเช้าแล้วออกกำลังกายเป็นนิสัยจะทำให้ร่างกายคุ้นกับการตื่นเช้า และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยร่างกายที่เบาสบาย คนที่เริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกายจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า และดูมั่นใจกว่า เพราะในช่วงเช้า การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติจะตื่นตัว หากได้เดินออกกำลังกายก็จะช่วยให้เส้นประสาทต่าง ๆในร่างกายได้รับการกระตุ้น ส่งผลให้ทำงานได้ดี

นอกจากนี้การเดินออกกำลังในตอนเช้ายังช่วยคลายความกังวล ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และกระตุ้นการทำงานของสมองด้วยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายคือ 10 โมงเช้า เพราะหลังจากตื่นนอนสักพักหนึ่ง ร่างกายจะเริ่มผ่อนคลาย และอาหารเช้าก็ย่อยไประดับหนึ่งแล้ว ระบบย่อยอาหารจึงทำงาน การออกกำลังกายในช่วงนี้ จะช่วยกระตุ้นอัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐานให้สูงขึ้น ไขมันในร่างกายจึงถูกดึงออกมาใช้ตลอดวันมากขึ้น

สำหรับครอบครัวมิตรชาวไร่ที่มีผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายตอนเช้า ผู้ป่วยโรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองอุดตัน และความดันโลหิตสูง ซึ่งการไหลเวียนเลือดไม่ราบลื่น ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การเดินที่ดีสำหรับช่วงเช้า ควรเดินเร็วสักประมาณ 30 นาที การเดินที่ดีสำหรับช่วงเย็น บริหารกล้ามเนื้อเบา ๆ 10 นาที จากนั้นเดินเร็วสลับเดินช้าประมาณ 50 นาที

สำหรับวิถีชีวิตของมิตรชาวไร่ที่ต้องทำงานในไร่ การดูแลพื้นที่เกษตรต่าง ๆ หากเป็นไปได้ควรเดินสลับขับรถบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้เผาพลาญพลังงานส่วนเกินที่อาจจะสะสมพอกพูนจนเป็นไขมันเลว ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต ซึ่งเมื่อเราดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายแล้ว อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ตรงเวลาทุกมื้อด้วยนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม

ที่มาข้อมูล-ภาพ

https://www.sanook.com/

https://www.insider.com/

https://www.cbc.ca/

 

 

ข่าวปักหมุด