หน้าแรก

สวัสดีค่ะพี่น้องมิตรชาวไร่ทุกท่าน ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยซึ่งก็อาจจะเป็นลูกหลานหรือคนในชุมชนของพี่น้องมิตรชาวไร่ที่เข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลิกจ้างหรือการสมัครใจลาออก เมื่อไม่มีงานและไม่สามารถหางานใหม่ได้ทันที ทำให้ผู้คนเหล่านี้เลือกที่จะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อกลับไปตั้งหลักระยะยาว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพไปเป็นเกษตรกรมือใหม่

 มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับพืชทางเลือกที่เพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี รวมถึงใช้พื้นที่ปลูกไม่มาก แต่ให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูงและเป็นที่ต้องการของตลาด นั่นก็คือ “เมล่อน” ผลไม้ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม ฉ่ำรสหวาน และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ คุณประโยชน์ของเมล่อนมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูงมาก ช่วยทำให้อิ่มและลดการสะสมของน้ำตาลในเลือด เอนไซม์ในน้ำเมล่อน มีสรรพคุณช่วยลดกระบวนการทางเคมีภายในร่างกาย ส่งผลให้ลดระดับความเครียดของคนเราลงได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับท่านใดที่สนใจปลูกเมล่อนเป็นทางเลือกเพื่อพัฒนาชุมชนให้เติบโต และก้าวไปด้วยกันอย่างยั่งยืนด้วยพืชที่เป็นที่นิยมตลอดกาลอย่างเมล่อน เรามีขั้นตอนปลูกเมล่อนมาฝาก 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

ขั้นตอนที่1 การเพาะกล้าเมล่อน

นำเมล็ดเมล่อนแช่ด้วยน้ำอุ่น ประมาณ 6 ชั่วโมง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคที่มากับเมล็ดและกระตุ้นให้เมล็ดงอกดีขึ้น หลังจากนั้นนำมาบ่มในกระดาษทิชชู ใส่ในกล่องที่มีฝาปิดทิ้งไว้ 1 คืน เมื่อรากเมล่อนแทงออกมาจากเมล็ดเล็กน้อย ให้นำเมล็ดไปเพาะในวัสดุเพาะกล้า (แนะนำให้ใช้ Cane Peat วัสดุเพาะกล้าที่เจ้าหน้าที่ Smart Farmer ได้คิดค้นสูตรจากการนำเอาวัสดุเหลือใช้ในกระบวนการผลิตน้ำตาล ได้แก่ กากหม้อกรอง เศษทรายใบอ้อย และชานอ้อยเผา มาเป็นส่วนผสมหลัก สามารถช่วยเพิ่มอัตราการงอกของเมล็ดได้ดีและต้นกล้าสมบูรณ์แข็งแรง)

จากนั้นรดน้ำให้ดินชุ่ม 1 รอบ โดยข้อควรระวังในการให้น้ำคือ ไม่ควรให้น้ำมากจนไหลผ่านลงข้างล่างถาดเพาะกล้า เพราะจะทำให้น้ำพัดพาธาตุอาหารในวัสดุเพาะกล้าไปหมด จากนั้นนำไปเก็บที่โรงเรือนเพาะที่สามารถรับแสงแดดเต็มที่ สำหรับแหล่งในการซื้อเมล็ดพันธุ์เมล่อน สามารถหาซื้อได้จากทางร้านเกษตรพันธุ์ทั่วไปตามความต้องการของพี่น้องได้เลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 การปลูกลงถุง

ต้นกล้าเมล่อนเมื่อมีอายุประมาณ 10-15 วันก็พร้อมที่จะย้ายลงถุงปลูก โดยต้องรดน้ำให้ชุ่มอยู่ตลอดทุกวัน เมื่อต้นกล้างอกขึ้นมา มีใบเลี้ยง 2 ใบ และมีใบจริง 1 ใบ ให้ย้ายกล้า ลงปลูกในถุงเพาะชำขนาด 8×16 นิ้ว โดยใส่วัสดุปลูก (แนะนำให้ใช้วัสดุปลูก SCS ที่เจ้าหน้าที่ Smart Farmer ได้คิดค้นสูตรจากการนำเอา วัสดุเหลือใช้ในกระบวนการผลิตน้ำตาล ได้แก่ กากหม้อกรอง เศษทราย ใบอ้อย และชานอ้อยเผา มาเป็นส่วนผสมหลักซึ่งจะช่วยให้ต้นเมล่อน เจริญเติบโตได้ดี)

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการย้ายกล้า คือ ช่วงเย็น เพราะอากาศจะไม่ร้อน หลังจากนั้นให้น้ำต้นกล้าทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 8.00 น. และช่วงบ่ายเวลาประมาณ 15.00 น. การวางถุงเพาะชำใช้ระยะห่างระหว่างถุง 50 เซนติเมตร เพราะถ้าปลูกถี่ อากาศจะไม่ถ่ายเท เกิดความชื้นสะสมสูง และทำให้เกิดโรคเชื้อราตามมาได้ แนะนำให้ปลูกเมล่อนในโรงเรือนจะทำให้ไม่ค่อยมีเรื่องแมลง มารบกวนมากนัก ระวังจำพวกมดแดงและมดดำจะนำเพลี้ยอ่อนเข้ามา ในโรงเรือนได้ และหลังย้ายกล้าปลูกลงแปลงได้ 2 วัน ให้เริ่มใส่ปุ๋ยได้

นอกจากนี้ขั้นตอนการผูกเชือกเมล่อนจะใช้เชือกมาคราเม่ ขนาด 1.5 มิลลิเมตร ผูกต้นเมล่อนหลังย้ายปลูกลงถุงได้ 7 วัน ให้มัดที่โคนต้นเมล่อน โดยมัดแบบเงื่อนที่สามารถแก้ออกได้เมื่อต้นเมล่อนโต หลังจากนั้นต้องจัดเถาเมล่อนทุกวัน ให้จับยอดเมล่อนพันที่เชือกทุกเช้า เพราะยอดเมล่อนจะโตไวมาก

ขั้นตอนที่ 3 การให้ปุ๋ยไปกับระบบน้ำ

การให้ปุ๋ยจะให้พร้อมกับการให้น้ำ โดยอัตราการให้ปุ๋ยจะใช้ปุ๋ยสูตร 30-20-10 จำนวน 1 กิโลกรัม สูตร 21-21-21 จำนวน 1 กิโลกรัม และธาตุอาหารเสริม จำนวน 50 กรัม นำมาผสมน้ำในถัง 150 ลิตร ผสมให้ปุ๋ยละลายแล้วให้ปุ๋ยไปพร้อมกับการให้น้ำช่วงแรกของการเจริญเติบโตต้นเมล่อนจะต้องการไนโตรเจนมากที่สุดในช่วงนี้ เมล่อนจะเจริญเติบโตทางลำต้น ใบ และยอด หลังจากนำเมล่อนลงถุงได้ประมาณ 20-30 วัน เมล่อนก็จะออกดอก ให้ปรับสูตรปุ๋ยเป็นปุ๋ยสูตร 21-21-21 จำนวน 1 กิโลกรัม และปุ๋ยสูตร 30-20-10 จำนวน 500 กรัม และธาตุอาหาร เสริม 50 กรัม ผสมน้ำ150 ลิตร ให้ไปกับระบบน้ำทุกครั้ง ในช่วงนี้สำคัญมากเพราะถ้าให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนมากเกินไปจะทำให้ดอกฝ่อ และอีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือ เรื่องแสง ต้องได้รับแสงที่เพียงพอถึงจะทำให้เมล่อนติดลูก

การผสมดอกเมล่อนควรผสมในช่วงเช้า เวลา 6.00– 10.00 น. ในช่วงนี้เกสรตัวผู้และตัวเมียจะเบ่งบานเต็มที่พร้อมผสม การไว้ลูกเมล่อนจะไว้ข้อที่ 8 ขึ้นไปและจะไว้ต้นละ 1 ลูก เมื่อติดลูกแล้ว ควรไว้ใบในเถาหลัก 25-30 ใบ และตัดยอดทิ้ง เพื่อให้ต้นเมล่อนสร้างอาหารมาเลี้ยงลูกจะใช้สูตรปุ๋ยนี้ไปจนกว่าเมล่อนจะติดเป็นผลอ่อนหรือหลังปลูกลงถุงประมาณ 35-40 วัน

ขั้นตอนที่ 4 การให้ปุ๋ยช่วงเพิ่มความหวานให้เมล่อน

เมื่อต้นเมล่อนอายุ 50 วัน ให้ปุ๋ยที่มีสูตรตัวท้ายสูง คือ โพแทสเซียม เพื่อช่วย เรื่องของการสร้างเนื้อและเรื่องของความหวาน คือ สูตร 0-0-50 จำนวน 2 กิโลกรัม และธาตุอาหารเสริม 50 กรัม ต่อน้ำ150 ลิตร ให้ไปกับระบบน้ำทุกครั้ง เพื่อช่วยเรื่องของความหวานในผลเมล่อน และควรตัดใบล่างออกบ้าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ก่อนสัปดาห์ สุดท้ายที่จะเก็บเกี่ยวให้เพิ่มปุ๋ยสูตร 0-0-50 จำนวน 2 กิโลกรัม และก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 7-10 วัน จึงจะงดให้น้ำ

ขั้นตอนที่ 5 การเก็บเกี่ยว

ก่อนเก็บผลผลิตงดให้น้ำประมาณ 7-10 วัน เมื่อผลเมล่อนสุกแก่จะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอก คือ ในพันธุ์ที่ผิวมีร่างแหจะพบว่าร่างแหเกิดขึ้นเต็มที่คลอบคลุมทั้งผล ผิวเริ่มเปลี่ยนสีและอ่อนนุ่มลง และในบางพันธุ์จะมีกลิ่นหอมเกิดขึ้น อายุเก็บเกี่ยวของเมล่อนที่เหมาะสมนั้นขึ้นกับพันธุ์ ซึ่งพันธุ์เบาจะมีอายุ การเก็บเกี่ยว 60-65 วัน พันธุ์ปานกลางมีอายุเก็บเกี่ยว 70-75 วัน และพันธุ์หนักที่มีอายุเก็บเกี่ยวเกินกว่า 80-85 วัน

เป็นยังไงกันบ้างคะ..ขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับการปลูกเมล่อนในโรงเรือน พี่น้องมิตรชาวไร่ที่สนใจอยากจะทดลองปลูก แนะนำให้ทดลองแบ่งพื้นที่เล็ก ๆ ทำตามกำลังก่อนนะคะ และหากพี่น้องท่านใดสนใจวัสดุเพาะกล้า Cane Peat และวัสดุปลูก SCS ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอัตราการงอกของต้นกล้าและช่วยให้ต้นเมล่อนเจริญเติบโตได้ดี รวมถึงมีราคาย่อมเยา สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ Smart Farmer ที่เบอร์ 096-3325926 ได้เลยค่ะ วัสดุเพาะกล้าและวัสดุปลูกที่ครบครันไปด้วยคุณภาพ พร้อมจัดจำหน่ายส่งตรงถึงมือพี่น้องทุกพื้นที่

นอกจากนี้หากพี่น้องท่านใดอยากจะเข้ามาศึกษาเรียนรู้ในพื้นที่จริง เจ้าหน้าที่ Smart Farmer ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับทุกท่านค่ะ

ที่มา : วารสารมิตรชาวไร่ โดยคุณกรรณิกาว่องกุศลกิจ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาชุมชนเพื่อความยั่งยืน

ข่าวปักหมุด