หน้าแรก

ปัจจุบันสังคมไทย เป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น แต่ละครอบครัวมีปู่ย่าตายายอาศัยอยู่ร่วมกับลูกหลานเป็นจำนวนมาก ซึ่งลูกหลานมีหน้าที่ดูแลเอาใจใส่คุณภาพชีวิตของท่าน ทดแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เยาว์วัย นอกเหนือจากการทำงานหาเงินเลี้ยงดูตอบแทนแล้ว สิ่งที่ลูกหลานควรทำคือ การดูแลเรื่องอาหารการกินที่ช่วยเรื่องสุขภาพ บำรุงร่างกาย และยืดอายุให้ผู้สูงอายุในครอบครัว ให้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ลูกหลานให้นานที่สุด

สมุนไพร เป็นพืชสำคัญที่มีส่วนช่วยในเรื่องบำรุงร่างกาย แน่นอนว่าเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ควรได้รับประโยชน์จากสมุนไพรแต่ละตัวแตกต่างกันไป แล้วแต่สุขภาพร่างกายของแต่ละคน มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มขอมีส่วนร่วมช่วยครอบครัวมิตรชาวไร่ได้ดูแลผู้สูงวัยด้วยสมุนไพรยืดอายุ ตามคุณสมบัติเด่น ๆ ของสมุนไพรแต่ละชนิด ดังนี้

ลดความดันโลหิตสูง ได้แก่ บัวบก กับกระเทียม มีวิธีรับประทาน ดังนี้

ครอบครัวชาวไร่-003.jpg

บัวบก ใช้ต้นบัวบกสด มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังใช้บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้าได้ดี ใช้ต้นสด 30-40 กรัม ผสมกับน้ำ 1 แก้ว (ประมาณ 250 ซี.ซี.) คั้นและกรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกัน 5-7 วัน

ครอบครัวชาวไร่-004.jpg

กระเทียม นำกระเทียมสดขนาดกลาง 1-2 กลีบ (5 กรัม) มาสับหรือบด และตวงให้ได้ราว 1 ช้อนชา กินพร้อมอาหารวันละ 3 เวลา มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพราะจะระคายเคืองกระเพาะได้

ลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่ มะระขี้นก กับตำลึง มีวิธีรับประทาน ดังนี้

ครอบครัวชาวไร่-005.jpg

มะระขี้นก ใช้ผลสด 8-10 ผล ผ่าและเอาเมล็ดออก สับละเอียดแล้วเติมน้ำลงไปเล็กน้อย กรองน้ำมาดื่ม กินทุกวันแบ่งกินวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือนจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง หากพบว่าน้ำคั้นมีรสขมเกินไป ให้นำมาลวกน้ำร้อนและกินกับน้ำพริกแทน

ครอบครัวชาวไร่-006.jpg

ตำลึง นำยอดตำลึงสดประมาณ 1 กำมือ ลวกพอสุก ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริกหรือนำไปปรุงอาหารอื่น ๆ กินติดต่อกันเป็นเวลา 1-3 เดือน หรือจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง

ลดไขมันในเส้นเลือด ได้แก่ กระเจี๊ยบแดง กับเสาวรส วิธีรับประทาน คือ

ครอบครัวชาวไร่-007.jpg

กระเจี๊ยบแดง นำกลีบรองดอกสีม่วงไปตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว (ราว 250 ซี.ซี.) ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุบำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกายได้

ครอบครัวชาวไร่-008.jpg

เสาวรส เลือกผลที่แก่จัด ล้างสะอาด และผ่าครึ่ง ตักเนื้อมาคั้นเอาแต่น้ำ ดื่มสด ๆ หรือปรุงรสโดยเติมเกลือ และน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำผลไม้ และมีสรรพคุณอื่น ๆ เช่น บำรุงผิวพรรณได้เปล่งปลั่งสดใส มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

ช่วยเรื่องเบาหวาน อาทิ เตยหอม กะเพรา วิธีรับประทานทำได้ ดังนี้

ครอบครัวชาวไร่-009.jpg

เตยหอม นำใบแก่จัดสัก 10 ใบ มาหั่นตากแดดแล้วชงดื่มแบบชาหรือใส่หม้อดินต้ม ดื่มต่างน้ำทุกวัน ควรดื่มอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล นอกจากช่วยบรรเทาโรคเบาหวานแล้ว ยังเป็นยาบำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ และแก้กระษัยได้อีกด้วย

ครอบครัวชาวไร่-010.jpg

กะเพรา นำใบสดสัก ½ กำมือ หรือแบบตากแห้งมาบดเป็นผงราว 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว (ราว 250 ซีซี) ชงเป็นชาดื่มหลังมื้ออาหาร ผลวิจัยพบว่าใบกะเพราทำให้เซลล์ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ดีขึ้นเหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวานชั้นต้น

ต้านอาการสมองเสื่อม อาทิ ขมิ้นชัน พริกไทย มะพร้าว และมะตูม วิธีรับประทาน ดังนี้

ครอบครัวชาวไร่-011.jpg

ขมิ้นชัน นำเหง้าแก่สดยาวประมาณ 2 นิ้วมาขูดเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำ กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง หรือกินแบบแคปซูล วันละ 1,000 มิลลิกรัม มีการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคนเอเชียที่กินขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน จะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคนในแถบยุโรปที่ไม่ได้กินขมิ้นชันเกือบ 5 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณต้านมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

ครอบครัวชาวไร่-012.jpg

พริกไทย ใช้ผงป่นมาปรุงอาหารที่กินเป็นประจำ หรือกินเป็นแคปซูลวันละ 1,000 มิลลิกรัม พร้อมกับอาหารทุกมื้อ ไม่ควรกินขณะท้องว่าง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร นักวิจัยพบว่า สารพิเพอรีนในพริกไทยมีสรรพคุณต้านสมองเสื่อม ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และต้านมะเร็งได้บำรุงธาตุ

ครอบครัวชาวไร่-013.jpg

มะพร้าว ดื่มน้ำจากผลอ่อนวันละ 1 ผล ผ่าแล้วควรดื่มทันทีไม่ต้องเติมน้ำตาล นอกจากช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังแก้กระหาย แก้พิษ อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย บวมน้ำ ขับปัสสาวะ และขับนิ่วก้อนเล็ก ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญ ใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียในกรณีที่ขาดแคลนน้ำเกลือแร่ได้เลย

ครอบครัวชาวไร่-014.jpg

มะตูม นำผลโตเต็มที่มาฝานเป็นแว่น ๆ แล้วตากแห้ง คั่วให้เหลืองหอม นำไปชงน้ำดื่ม โดยใช้มะตูม 2-3 ชิ้น ต่อน้ำ 1 กา ชงในน้ำเดือด จิบตลอดวัน นอกจากมีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังช่วยขับลม แก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้อีกด้วย

สมุนไพรแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน อย่าลืมว่า อะไรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป มักส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นมิตรชาวไร่ควรดูแลเรื่องปริมาณและขนาดที่รับประทานสมุนไพรให้แก่ผู้สูงวัยในครอบครัวเราอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ยืนยาวอย่างปลอดภัย

ข้อมูล-ภาพ

https://health.kapook.com/view131364.html

ข่าวปักหมุด