หน้าแรก

ระบบการทำไร่อ้อยสมัยใหม่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม (The Mitr Phol ModernFarm System) คือ หัวใจของ มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม ซึ่งเป็นองค์ความรู้และทักษะในการบริหารจัดการไร่อ้อยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Knowledge & Skill) และเทคโนโลยีสนับสนุนการทำไร่อ้อยที่ทันสมัย (Technology Support)

มิตรผลไอรอนแมน (MITE PHOL IRONMAN)

คือ ผู้เผยแพร่องค์ความรู้ (Facilitator) ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ชาวไร่อ้อยสามารถเข้าถึงมิตรผล โมเดิร์นฟาร์มได้ง่ายขึ้น ทั่วถึงและถูกต้อง โดยจะเป็นผู้ให้ความรู้ คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา และเป็นผู้ช่วยของชาวไร่ในการทำไร่อ้อยสมัยใหม่ตามแบบฉบับของกลุ่มมิตรผล

มิตรชาวไร่ (MITE PHOL FARMER)

คือ เพื่อนชาวไร่อ้อย เปรียบเป็นคู่ชีวิตกับโรงงานน้ำตาลมิตรผล ซึ่งเป็นผู้ที่มีทักษะและองค์ความรู้ สามารถบริหารจัดการไร่อ้อยตามแบบฉบับของมิตรผล มีระดับคุณภาพชีวิตที่มั่งคั่ง สามารถรวมกลุ่มกันแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน จนสามารถพัฒนาขึ้นเป็นเครือข่าย สังคมชาวไร่อ้อยอัจฉริยะ (Intelligence Fermer) ไปจนถึงเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ที่มีความยั่งยืนได้

หลักการทำไร่อ้อยยุคใหม่ของมิตรผลนั้น ไม่ใช่เพียงแค่มีเครื่องมือ เครื่องจักร มาใช้ในไร่อ้อยแล้วก็จะเรียกว่า “มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม” แต่จะเป็นการปฏิวัติการทำการเกษตรสมัยใหม่ โดยใช้นวัตกรรมด้านการบริหารการจัดการไร่อ้อย ตามแบบฉบับของกลุ่มมิตรผล ที่ได้รับการพัฒนามาจากองค์ความรู้และเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาส ซึ่งใช้หลัก 4 เสา นำมาปฏิบัติ

พักดินและปลูกพืชปรุงบำรุงดิน (Legume Rotation Crops)

การควบคุมแนวล้อวิ่งของแทรกเตอร์และเครื่องจักรกล (Controlled Traffic)

ลดการไถพรวน (Reduce Tillage)

การทิ้งใบอ้อยคลุมดิน (Trash Blanket)

โดยในเรื่องน้ำชลประทาน (Irrigation) เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยให้หลัก 4 เสา ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการแก้ไขการเสื่อมสุขภาพของดินทั้ง 4 ข้อนี้ ถือเป็น 4 เสาหลัก ของการทำไร่อ้อยแบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม กิจกรรมต่างๆ ในระบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มล้วนถูกออกแบบจากหลักการ 4 เสาหลักนี้ทั้งสิ้น

เสาหลักที่ 1 (พักดินและปลูกพืชบำรุงดิน)

(LEGUME ROTATION CROPS)

ในการปลูกอ้อยแบบต่อเนื่องโดยไม่มีการพักดินจะต้องไถพรวนอย่างรุนแรงเพื่อทำลายตออ้อยเก่า และทำให้ดินอยู่ในสภาพพร้อมปลูกอ้อยทันที แต่ถ้าพักดินแล้วปลูกถั่วสลับไม่จำเป็นต้องไถพรวนมาก เพราะมีเวลาให้ตออ้อยย่อยสลายได้นาน การปลูกพืชตระกูลถั่วจะช่วยเพิ่มไนโตรเจนในดิน โดยการตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาสะสมที่ปมรากถั่ว

เสาหลักที่ 2 การควบคุมแนวล้อวิ่งของแทรกเตอร์และเครื่องจักรกล (Controlled Traffic)

เมื่อเกิดชั้นดินดาน อนุภาคดินจะถูกอัดรวมกันแน่นโดยนำหนักของเครื่องจักร หมายความว่า ช่องว่างที่จะเก็บอากาศและน้ำน้อยลง น้ำจะซึมลงดินได้ช้าลง สัตว์ที่มีประโยชน์ในดิน เช่น ไส้เดือน ไม่สามารถอยู่รอดและเจริญเติบโตได้ในชั้นดินดานนี้ รวมทั้งรากอ้อยก็จะเติบโตหาอาหารได้ยาก แต่ถ้ามีการควบคุมแนวล้อวิ่งของเครื่องจักร จะไม่มีการบดอัดบนแถวอ้อยและไม่ทำให้ดินรอบๆ รากอ้อยแน่น อนุภาคดินบนแถวอ้อยจะไม่ถูกอัดรวมกันจนแน่น ดินสามารถอุ้มน้ำและอากาศได้ดี แต่ดินระหว่างแถวอ้อยจะแน่น ทำให้ล้อของเครื่องจักรวิ่งง่ายขึ้นเมื่อต้องการไถพรวนบนร่องอ้อย ก็จะใช้กำลังรถแทรกเตอร์น้อยกว่า ดินก็ไม่เกิดชั้นดานในระบบของมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มจะใช้แถวกว้าง 1.85 เมตร ซึ่งจะพอดีกับรถตัดอ้อยแทบทั้งหมด เครื่องจักรทุกชนิดและแทรกเตอร์ก็ควรมีระยะห่างระหว่างล้อ 1.85 เมตร โดยวัดจากกึ่งกลางล้อถึงกึ่งกลางล้อ

เสาหลักที่ 3 ลดการไถพรวน (Reduce Tillage)

การไถพรวนมากเกินไปและการไถพรวนแบบรุนแรงไม่ดีสำหรับดินและเสียค่าใช้จ่ายสูง โดยปกติสัตว์ในดินที่เป็นประโยชน์ต่ออ้อย จะมีมากกว่าสัตว์ที่เป็นศัตรูอ้อยแต่หากไถพรวนดินมากเกินไปสัตว์ที่เป็นประโยชน์จะตายลงในอัตราที่เร็วกว่าสัตว์ที่เป็นศัตรูอ้อย ทำให้เกิดความไม่สมดุลในระบบนิเวศน์ จะมีสัตว์ที่เป็นศัตรูอ้อยในดินมากกว่า การไถพรวนยังนำอินทรียวัตถุที่ถูกฝังในดินขึ้นมาเหนือดิน ทำปฏิกิริยาเคมีกับอากาศเปลี่ยนเป็นก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ลอยไปในอากาศ ดังนั้นการไถพรวนมากทำให้อินทรียวัตถุในดินลดลง

เสาหลักที่ 4 การทิ้งใบอ้อยคลุมดิน (Trash Blanket)

การตัดอ้อยสดทิ้งใบอ้อยคลุมดินจะมีคุณค่ามาก สำหรับชาวไร่ ดินจะมีสุขภาพดีขึ้นเมื่อมีใบคลุม รวมทั้งธาตุอาหารที่จะสูญเสียสู่บรรยากาศเมื่ออ้อยถูกเผา ก็จะกลับสู่ดินเมื่อตัดอ้อยสดทิ้งใบคลุมดิน