หน้าแรก

ในช่วงของโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้สถานการณ์ทุกด้านทั่วโลกปั่นป่วนระส่ำระส่าย การผลิตวัคซีนที่หลายบริษัทหลายองค์กร ต่างระดมสรรพกำลังเพื่อผลิต จัดหาวัคซีนที่ได้ผลที่สุด กระจายไปให้แต่ละประเทศทั่วโลกตามกำลังความสามารถและการบริหารจัดการของแต่ละประเทศให้เข้าถึงวัคซีนให้ได้มากที่สุดนั้น การหาทางออกด้านอื่น ๆ ยังมีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง ใครมีความรู้ความสามารถด้านใด ค้นพบยาตัวไหน หรือสมุนไพรอื่นใดที่พอจะบรรเทาอาการหรือสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ ต่างนำมาแบ่งปันผ่านสื่อออนไลน์ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

004.jpg

นาทีนี้ไม่พูดถึงสมุนไพรไทยอย่างขิงกับกระชายคงไม่ได้ ด้วยกระแสการต้มน้ำสมุนไพรที่มีขิงกระชายดื่มเป็นประจำ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้ จึงทำให้ราคาขิงกับกระชายพุ่งสูงสุดแทบจะฉุดไม่อยู่ ก็ถือเป็นเรื่องดีในด้านการส่งเสริมยอดขายให้เกษตรกรผู้ปลูกขิงกระชายได้มีโอกาสขายสินค้าที่เป็นที่ต้องการสูงมากขึ้น ที่สำคัญพืช 2 ชนิดนี้ปลูกเองได้ง่าย ๆ ทั้งหน้าบ้าน ท้ายครัว แนวรั้ว แนวเขต จึงเป็นเรื่องที่ดูจะเข้าถึงได้ง่าย คนจึงสนใจดื่มกันมาก

ขิงกับกระชายมีคุณสมบัติเด่นอย่างไร?

เริ่มจากคุณสมบัติของขิง ซึ่งเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น ช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะ อาเจียน บรรเทาอาการเจ็บปวด ช่วยเรื่องโรคกระดูกเสื่อม ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ที่สำคัญช่วยป้องกันอาการหวัด

ส่วนกระชาย ช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ รักษาแผลในปาก ลดน้ำตาลในเลือด บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอวัย แก้โรคนกเขาไม่ขัน บำรุงหัวใจ และอีกมากมายหลายสรรพคุณ

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า จากคุณสมบัติทั้งหมดของสมุนไพรไทยเหล่านี้ จะเห็นได้ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่ของการบรรเทาอาการหวัด ลดอาการอักเสบ และเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยป้องกันจากโควิด-19 ได้ 100%

นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังด้วยว่า การดื่มน้ำต้มสมุนไพร อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ หากดื่มไม่ถูกวิธี และอะไรที่มากเกินไปก็มักจะทำให้เกิดโทษด้วยเช่นกัน และสารบางอย่างก็อาจจะมีอันตรกิริยากับยาบางตัว ที่ส่งผลต่อต้าน หรือเพิ่มฤทธิ์ของยา ซึ่งจะให้ผลเสียกับบุคคลนั้น ๆ มากกว่าได้ประโยชน์ อีกทั้งเมื่อนำมาปรุงแต่งเป็นเครื่องดื่มที่ผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำตาล ก็อาจจะส่งผลเสียกับผู้ป่วยบางกลุ่ม อย่างเช่นผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อทำให้รสชาติดีขึ้นผู้ป่วยก็จะกินได้มากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นด้วย

003.jpg

ดังนั้น การกินสมุนไพรไทยเป็นอาหาร จะได้ประโยชน์และปลอดภัยมากกว่า หากพิจารณาถึงการป้องกัน หรือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาจทำให้เรามองหาแต่ข้อดีของวัตถุดิบนั้น ๆ จนลืมนึกถึงปริมาณที่สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยจนกลายเป็นโทษแทน

หากเปลี่ยนสมุนไพรเหล่านั้นให้มาเป็นส่วนประกอบหนึ่งในอาหารเพื่อเพิ่มกลิ่นรสสัมผัสที่ดี ให้กับอาหาร ร่วมกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้เราได้คุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เชื่อได้ว่าเมื่อร่างกายเราแข็งแรง เราก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้

ที่มาข้อมูล-ภาพ

https://med.mahidol.ac.th/atrama/issue041/healthy-eating

https://www.sanook.com/health/12969/

 

ข่าวปักหมุด