หน้าแรก

สวัสดีค่ะมิตรชาวไร่ ในปี 2567 นี้ สภาพอากาศที่แห้งแล้งและร้อนระอุ ทำให้ปริมาณน้ำสะสมในหลายแหล่งเก็บน้ำเริ่มลดลง และส่อแววไม่เพียงพอต่อการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรไทย      

ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มลงมือวางแผนและแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวไทยอย่างรุนแรง โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง หลายจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรมพัฒนาที่ดิน กรมป่าไม้ เพื่อรับทราบสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำในแหล่งน้ำทั้งการอุปโภคบริโภค เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่หลายจังหวัด

โดยรัฐบาลมีความห่วงใยกับสถานการณ์แล้งในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งยังมีความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำได้ จึงสั่งการให้ สทนช.เร่งขับเคลื่อน 9 มาตรการฤดูแล้งปี 2566/2567 ให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้

003.jpg

รองนายกฯกล่าวว่า ปัญหาแล้งส่วนใหญ่ประสบปัญหาแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาของระบบประปาหมู่บ้านไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน รวมถึงคุณภาพน้ำประปาลดลงในช่วงฤดูแล้ง จึงได้สั่ง สทนช. ให้เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการสนับสนุนน้ำจากแหล่งน้ำอื่นเข้ามาสนับสนุน เพราะหลายพื้นที่ เป็นพื้นที่อับฝน และอยู่นอกเขตชลประทาน แม้ว่าปัจจุบันประชาชน ยังไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่คงต้องมีการเตรียมแผนรองรับให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดฤดูแล้งนี้

นอกจากแผนระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้าแล้ว สทนช.ยังได้รับฟังแนวทางความต้องการของประชาชนและหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงน้ำในพื้นที่ โดยพิจารณาแผนงานโครงการเพื่อสนับสนุนงบประมาณทั้งระยะกลาง และระยะยาวต่อไป เช่น การสร้างฝายชะลอน้ำ แก้ไขระบบกรองน้ำ ปรับปรุงระบบส่งน้ำ ขุดลอกแก้มลิง ขุดเจาะบ่อบาดาลที่มีการสำรวจความเหมาะสมและถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อแก้ปัญหาน้ำให้กับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ขอบคุณที่มาข้อมูล-ภาพ

https://www.thairath.co.th/

 

 

ข่าวปักหมุด