หน้าแรก

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบันการใส่ปุ๋ยบำรุงอ้อยนั้นทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้แรงงานคน การใช้เครื่องจักร การผสมปุ๋ยให้พร้อมน้ำด้วยระบบน้ำ เป็นต้น แต่ปัจจุบันนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ถูกพัฒนาและนำมาปรับใช้ในไร่อ้อยมากขึ้น ซึ่งวันนี้มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มมีวิธีให้ปุ๋ยบำรุงอ้อยทางใบด้วยการฉีดพ่นด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย คือ การให้ปุ๋ยทางใบ (Foliar Fertilizers) ซึ่งวิธีการนี้มีข้อดีในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย

ลดการใช้ปุ๋ยเคมีในดิน

การให้ปุ๋ยทางใบช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ทำให้สามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีที่ต้องใช้ในการบำรุงดิน ซึ่งการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไปอาจทำให้เกิดการสูญเสียธาตุอาหารในดินและการปนเปื้อนของสารเคมีลงไปในแหล่งน้ำ ทั้งนี้การลดการใช้ปุ๋ยเคมีจะช่วยลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N₂O) ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีผลต่อภาวะโลกร้อน

เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของพืช

การให้ปุ๋ยทางใบช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารทันที ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตแข็งแรงและลดการใช้น้ำเกินความจำเป็น ซึ่งช่วยประหยัดน้ำในระยะยาว ลดการระเหยของน้ำ และลดการใช้พลังงานในการจัดการน้ำ ทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้น 1-2 ตัน/ไร่ โดยการฉีดพ่นปุ๋ยควรทำในช่วงเช้าเมื่อความชื้นในอากาศเหมาะสม และต้องคำนึงถึงสภาพอากาศหรือฟ้าฝนก่อนการฉีดพ่นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ลดการใช้พลังงานในการผลิตปุ๋ย

การให้ปุ๋ยทางใบสามารถช่วยให้ปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีที่ผลิตจากกระบวนการทางอุตสาหกรรมลดลง ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากกระบวนการผลิตและขนส่งปุ๋ยเคมี โดยลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน

การให้ปุ๋ยทางใบในกระบวนการเกษตรสามารถทำให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีในดินและน้ำได้ ทำให้ระบบการเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบที่เกิดจากการใช้สารเคมีที่มีการสะสมในดินและน้ำ ซึ่งสามารถนำไปสู่การลดมลพิษและผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ การทำไร่แบบ "มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม" ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ แต่ยังช่วยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลผลิตที่มากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถทำอาชีพนี้ได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วิธีการให้ปุ๋ยทางใบ (Foliar Fertilizers)

  • วิธีการฉีดพ่นปุ๋ยน้ำเป็นละอองไปยังใบเพื่อให้อ้อยดูดซึมธาตุอาหารผ่านปากใบ ซึ่งควรฉีดพ่นในช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงที่ปากอ้อยเปิด จะดูดซึมธาตุอาหารได้ดีกว่าช่วงเวลาอื่น และควรหลีกเลี่ยงช่วงแดดจัด คือเวลา 10.00 – 16.00 น.
  • เนื่องจากการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบเป็นการพ่นในอัตราต่ำและฉีดพ่นในช่วงที่อ้อยมีอายุ 4-8 เดือน ซึ่งในช่วงนี้อ้อยจะมีความสูงมากแล้ว ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้โดรนหรือเฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุในการฉีดพ่น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ใช้ปุ๋ยทางใบ 1.5 ลิตร ผสมกับน้ำสะอาด 1.5 ลิตร ปริมาณ 3 ลิตรต่อไร่ และครั้งที่ 2 ในเดือนมิถุนายนห่างจากครั้งแรก 30 วัน โดยใช้อัตราส่วนเท่ากัน ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ดินมีความชื้นที่เหมาะสม และอ้อยเริ่มเข้าสู่ช่วงเจริญเติบโตของข้อปล้อง จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบเพื่อผลผลิตที่ดี
  • โดยปกติการให้ปุ๋ยทางใบหลังจากฉีดพ่นปุ๋ยแล้วควรมีระยะปลอดฝนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดการดูดซึมสารเข้าทางปากใบได้อย่างเต็มที่ หากประเมินดูแล้วว่าฝนน่าจะตกเร็วกว่า 3 ชั่วโมง ควรหยุดพ่นทันที แต่สำหรับปุ๋ยทางใบ สูตร 25-0-0 + 0.5% B ซึ่งเป็นปุ๋ยทางใบที่มิตรผลโมเดิร์นฟาร์มแนะนำ ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษ จึงมีระยะปลอดฝนเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
  • การให้ปุ๋ยทางใบทำให้มีเวลาเหลือจากการทำไร่ เพราะโดรนหรือเฮลิคอปเตอร์ใช้เวลาทำงานเพียง 5-15 นาที/ไร่ เมื่อเทียบกับแรงงานคนที่ใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง/ไร่

มิตรชาวไร่จะเห็นว่า การให้ปุ๋ยทางใบ (Foliar Fertilizers) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยในการเกษตรที่ยั่งยืน โดยทั้งช่วยเพิ่มผลผลิตของอ้อยและลดผลกระทบที่ทำให้โลกร้อน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ที่มาข้อมูล :  วารสารมิตรชาวไร่

ข่าวปักหมุด