สวัสดีค่ะพี่น้องชาวไร่ทุกท่าน เข้าสู่ฤดูฝนเมื่อไร บรรยากาศบ้านเราก็ชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า อากาศเย็น ๆ หลังฝนตกช่างชื่นใจ โดยเฉพาะคนทำไร่อ้อย เห็นฝนหลั่งลงมาเมื่อไรก็ยิ้มออก เพราะรู้ว่าต้นอ้อยจะได้สดชื่น แตกใบ แตกหน่อ โตไว
ใครที่มีสระน้ำหรือขุดบ่อเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็ยิ่งโชคดี น้ำฝนช่วยเติมเต็มแหล่งน้ำให้พร้อมใช้ในหน้าแล้งต่อไป ถือว่าได้โชคสองชั้นเลยทีเดียว
แต่อย่าลืมนะคะ แม้ฝนจะตกชุ่มแค่ไหน ก็ไม่ควรใช้ "น้ำ" แบบไม่คิด การบริหารจัดการน้ำอย่างฉลาดยังคงเป็นหัวใจสำคัญ เพราะถ้าใช้น้ำให้ถูกวิธี ถูกเวลา และเหมาะกับสภาพไร่ของเรา ก็สามารถเปลี่ยนน้ำทุกหยดให้กลายเป็นผลผลิตที่งอกงาม คุ้มค่า และทำรายได้กลับมาอย่างแน่นอน
ก่อนวางแผนการใช้น้ำ ต้องเริ่มจากการเข้าใจไร่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชนิดของดิน ความลาดเอียง หรือการระบายน้ำ ดินเหนียวเก็บน้ำได้ดีกว่า จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ส่วนดินทราย น้ำซึมเร็ว อาจต้องให้น้ำถี่ขึ้น
ใครที่ปลูกอ้อยพันธุ์ทนแล้งก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ หรือจะติดตั้งระบบน้ำหยดเพื่อลดการสูญเสียน้ำก็เป็นทางเลือกที่ดี
ฝนไม่ได้แค่ตกฟรีจากฟ้า แต่คือโอกาสทองของเกษตรกร! การทำคันดิน หรือร่องน้ำ จะช่วยชะลอและกักเก็บน้ำฝนให้อยู่ในพื้นที่ได้นานขึ้น ยิ่งฝนตกต่อเนื่อง ดินก็จะอุ้มน้ำได้ดี ต้นอ้อยก็โตไว แถมไม่ต้องเปลืองน้ำรดเพิ่ม
น้ำในสระหรือบ่อเปรียบเสมือน “ทุนสำรอง” สำหรับช่วงหน้าแล้ง หากเก็บน้ำฝนไว้ได้มาก ก็ไม่ต้องกลัวฝนทิ้งช่วง สามารถใช้น้ำที่สำรองไว้หล่อเลี้ยงต้นอ้อยได้ต่อเนื่อง ช่วยรักษาผลผลิตไม่ให้ตก
การให้น้ำมากเกินไปไม่ได้ช่วยให้พืชโตไวเสมอไป บางครั้งอาจทำให้รากเน่า หรือดินชื้นเกินจนขาดอากาศ ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของอ้อย และยังสิ้นเปลืองค่าน้ำ ค่าแรงโดยไม่จำเป็น ควรให้น้ำในช่วงที่จำเป็น เช่น ช่วงแตกหน่อ และช่วงสะสมความหวาน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
น้ำทุกหยดมีต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าไฟ ค่าแรง หรือแม้แต่น้ำฝนที่เก็บไว้ใช้ การวางแผนใช้น้ำอย่างรอบคอบ จะช่วยลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มกำไรได้จริง
น้ำฝนก็เปรียบเสมือนของขวัญจากธรรมชาติ ส่วนการจัดการน้ำในไร่คือภูมิปัญญาและฝีมือของเรา ยิ่งรู้จักใช้น้ำให้เหมาะกับไร่ของตัวเองมากเท่าไร ต้นอ้อยก็จะงอกงาม แข็งแรง ให้ผลผลิตที่ดี และทำให้กระเป๋าตังค์ของเราหนักขึ้นทุกปีค่ะ
ที่มา : www.mitrpholmodernfarm.com