สวัสดีค่ะพี่น้องชาวไร่ทุกท่าน สมัยก่อนเมื่อพูดถึงการทำไร่อ้อย หลายคนอาจนึกถึงภาพแดดร้อนเปรี้ยง คนงานเหงื่อท่วมตัว ใช้แรงงานมากกว่าจะได้เห็นเครื่องจักรช่วยงาน แต่ปัจจุบัน…ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วค่ะ!
เพราะชาวไร่บ้านเราพัฒนาไปไกล มีทั้งรถไถ รถตัด และเครื่องมือทันสมัยช่วยลดแรงงาน ทำงานเร็วและแม่นยำ เรียกได้ว่าไม่แพ้ชาวไร่ในต่างประเทศเลยทีเดียว
การมีเทคโนโลยีและเครื่องมือสมัยใหม่เข้ามา ไม่ได้แค่ทำให้ชีวิตชาวไร่ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน ลองคิดดูสิคะ...เมื่อก่อนแค่การตัดอ้อยอย่างเดียวก็ต้องใช้แรงงานคนหลายสิบคน และกินเวลาเป็นวัน ๆ แต่พอมี “รถตัดอ้อย” เข้ามา แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เก็บเกี่ยวเสร็จ ตัดได้เรียบร้อย สะอาด แถมยังลดความเสียหายของลำอ้อยได้อีกด้วย
ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ “แนวทางมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม” ซึ่งเป็นการทำไร่อ้อยแบบมีระบบครบวงจร ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยตั้งแต่ขั้นเตรียมดิน ปลูก ใส่ปุ๋ย ให้น้ำ ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ทุกขั้นตอนถูกวางแผนอย่างมีแบบแผน ไม่ใช่แค่ใช้แรง แต่ใช้ “สมอง” และ “ข้อมูล” บริหารจัดการให้คุ้มค่าที่สุด
ชาวไร่ยุคใหม่ จึงมีชีวิตที่ต่างจากเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากการไม่ต้องใช้แรงงานหนัก ที่สำคัญคือ “รายได้มั่นคงขึ้น” เพราะการทำไร่อย่างมีระบบช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ลดของเสีย และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า
หลายคนอาจคิดว่าการใช้เครื่องจักรจะทำให้แรงงานคนหายไป แต่จริง ๆ แล้วตรงกันข้ามค่ะ เพราะเครื่องจักรต้องมีคนควบคุม ต้องมีการวางแผน มีการจัดการระบบการผลิต และมีงานด้านขนส่งเข้าสู่โรงงาน เป็นการเปิดโอกาสสร้างอาชีพใหม่ ๆ และรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า การทำไร่ในปัจจุบันไม่ใช่แค่ “ปลูกแล้วรอเก็บ” เหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่มันคือการผสมผสาน “ภูมิปัญญาชาวบ้าน” เข้ากับ “เทคโนโลยีสมัยใหม่” ทำให้ชาวไร่ไทยสามารถยืนหนึ่งในวงการเกษตร ไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นบ้านเราก้าวหน้า พร้อมส่งต่ออาชีพนี้ให้คนรุ่นใหม่ได้อย่างมั่นใจ
พูดง่าย ๆ ก็คือ… ชาวไร่ยุคนี้ไม่ได้เหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ
เพราะเรามีทั้งความรู้ เครื่องมือ และเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุน ทำให้ชีวิตดีขึ้น รายได้มั่นคงขึ้น และอนาคตก็สดใสมากขึ้นอีกด้วย
ที่มา : วารสารมิตรชาวไร่