เมื่อพูดถึงการทำไร่อ้อย หลายคนอาจนึกถึงการใส่ปุ๋ยทางดินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยยูเรีย ปุ๋ยสูตรต่าง ๆ หรือการบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ แต่รู้หรือไม่ว่า “ปุ๋ยทางใบ” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและมาแรงสำหรับเกษตรกรยุคนี้ เพราะนอกจากพืชจะได้รับธาตุอาหารอย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยเพิ่มผลผลิตได้จริงแบบเห็นผล

ที่ผ่านมา การใส่ปุ๋ยทางดินเป็นสิ่งที่เกษตรกรคุ้นเคยกันดี แต่บางครั้งธาตุอาหารที่ใส่ไปกลับไม่ถูกพืชดูดซึมเต็มที่ อาจสูญเสียไปกับการชะล้างหรือถูกยึดติดในดิน ตรงนี้เองที่ “ปุ๋ยทางใบ” เข้ามามีบทบาทสำคัญ

ใบอ้อยสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้โดยตรง ทำให้เห็นผลเร็ว ใบที่เคยเหลืองซีดเพราะขาดธาตุอาหารก็จะกลับมาสดเขียว แข็งแรง ต้นอ้อยเจริญเติบโตเร็วและมีความสมบูรณ์มากขึ้น

ประโยชน์ของการใส่ปุ๋ยทางใบ

• พืชได้รับอาหารทันใจ ไม่ต้องรอให้ปุ๋ยละลายและซึมเข้าราก
• ช่วยประหยัดน้ำ เพราะเมื่อให้อาหารทางใบบ่อยขึ้น ความจำเป็นในการรดน้ำก็ลดลง
• ลดการระเหยของน้ำ ทำให้ความชื้นในแปลงสมดุลขึ้น
• เพิ่มผลผลิตได้จริง งานวิจัยและประสบการณ์จากเกษตรกรยืนยันว่า อ้อยสามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1–2 ตันต่อไร่

เคล็ดลับการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ

• เลือกเวลาที่เหมาะสม : ควรพ่นในตอนเช้า อากาศเย็น ความชื้นพอดี ใบอ้อยดูดซึมได้ดีที่สุด
• ตรวจสอบสภาพอากาศ : หากมีแนวโน้มฝนตก ควรเลื่อนการพ่นออกไป เพื่อไม่ให้ปุ๋ยถูกชะล้าง
• หลีกเลี่ยงช่วงแดดจัด : อากาศร้อนเกินไปทำให้สารละลายระเหยเร็ว หรืออาจทำให้ใบไหม้
• ใช้ปริมาณที่เหมาะสม : ผสมตามอัตราที่ระบุบนฉลาก ห้ามเข้มข้นเกินไป เพราะอาจทำให้ใบเสียหาย

ปุ๋ยทางใบแทนปุ๋ยทางดินได้หรือไม่?

คำตอบคือ “ไม่ใช่” ค่ะ ปุ๋ยทางใบเป็นเพียงตัวช่วยเสริม โดยเฉพาะการให้ธาตุอาหารรองและจุลธาตุ เช่น เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม ซึ่งแม้ต้องการในปริมาณน้อย แต่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ทั้งปุ๋ยทางดินและปุ๋ยทางใบควบคู่กัน เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้งจากรากและใบ

สำหรับเกษตรกรที่อยากเพิ่มผลผลิตอ้อยโดยไม่ต้องลงทุนมาก การให้ปุ๋ยทางใบถือเป็นวิธีที่ง่ายและคุ้มค่า ได้ทั้งความแข็งแรงของต้นอ้อย ลดการใช้น้ำ และยังช่วยเพิ่มผลผลิตได้จริง หากเลือกเวลาพ่นและปฏิบัติอย่างถูกต้อง

เรียกได้ว่า “ปุ๋ยทางใบ” คือเทคนิคที่เหมาะกับเกษตรกรยุคใหม่ ที่ต้องการทำการเกษตรอย่างชาญฉลาดและได้ผลตอบแทนสูง ลองนำไปใช้ในไร่ของคุณ แล้วอาจประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ได้เลยทีเดียวค่ะ

ที่มา : วารสารมิตรชาวไร่