หน้าแรก

สวัสดีค่ะมิตรชาวไร่ ท่ามกลางวิฤตเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ ค่าเงินบาทอ่อน ภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกสินค้าต่าง ๆ ทั่วโลก กระทบกันเป็นทอด ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเราชาวไร่อ้อย เห็นจะเป็นเรื่องของราคาน้ำตาล ที่ปัจจุบันราคาในตลาดโลกอยู่ที่ 19-20 เซนต์ต่อปอนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้วยประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ทั้งอินเดียและบราซิลออกมาประกาศควบคุมปริมาณการส่งออกเพื่อกันไว้บริโภคในประเทศ

ในวิกฤตมักมีโอกาสอยู่เสมอค่ะ เพราะจากสถานการณ์ข้างต้นถือเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยสถิติการส่งออกน้ำตาลทราย 3 เดือนแรกปี 2565 ในเดือน ม.ค. อยู่ที่ 179,695,274 กก. เพิ่มขึ้น 23.98% มูลค่า 3,028 ล้านบาท เดือน ก.พ. อยู่ที่ 215,044,789 กก. เพิ่มขึ้น 49.48% มูลค่า 3.5 พันบาท และเดือน มี.ค. อยู่ที่ 195,762,541 กก. เพิ่มขึ้น 14.76% มูลค่า 3,176พันล้านบาท

คุณชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ราคาน้ำตาลโลกอยู่ในระดับที่สูงมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว เนื่องจากความขาดแคลนในบางพื้นที่ ทำให้มีความต้องการบริโภคจึงเกิดการเข้าซื้อน้ำตาลส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนลงจาก 31 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจุบันอ่อนค่าถึง 35 บาทต่อดอลลาร์ ถือเป็นปัจจัยหนุนให้กับผู้ส่งออกน้ำตาลมีรายรับมากขึ้น โดยส่งผลต่อเนื่องถึงราคาอ้อยที่สูงขึ้นเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยขยายพื้นที่การปลูกอ้อยซึ่งจะทำให้ไทยมีผลผลิตมากขึ้นในปีต่อไป

​                นอกจากนี้ คุณเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า สำหรับฤดูกาลผลิตอ้อยปี 2565/66 คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตมากว่า 100 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นตามลำดับเนื่องจากมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง โดยพื้นที่การปลูกอ้อยไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักแต่คาดว่าปริมาณผลผลิตตันต่อไร่สูงขึ้น ในขณะที่ราคาอ้อยในปีนี้ประเมินว่าจะเกินตันละ 1,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ยังต้องคำนึงถึงต้นทุนการผลิตของเกษตรกรชาวไร่อ้อยและต้นทุนของผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจะเป็นปัจจัยหลักในการคำนวณต้นทุนและประเมินว่าราคาอ้อยและน้ำตาลในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดย สอน. พยายามรักษาระดับราคาน้ำตาลในปัจจุบันเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคและส่งผ่านต้นทุนผ่านอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์นม

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐ ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำตาลในฤดูกาล 2565/66 ของไทยจะอยู่ที่ 10.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ในขณะที่ปริมาณการส่งออกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 11 ล้านตัน เนื่องจากมีปริมาณส่งออกได้จำนวนมาก ทั้งนี้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ลำดับที่ 4 ของโลก รองจากบราซิล อินเดีย และอียู (EU)

อย่างไรก็ดี จากราคาอ้อยและน้ำตาลที่ทรงตัวสูง แต่อีกด้านหนึ่งต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรหลายรายการก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน ทำให้วิกฤติที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมน้ำตาลจริง แต่ในระยะยาวในฐานะเกษตรกรชาวไร่อ้อย เราต้องวางแผนการปลูกอ้อย ต้นทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในกระบวนการปลูกอ้อยตลอดจนหีบอ้อยเข้าโรงงานอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลกำไรที่จะได้รับ หากวางแผนดี ๆ เชื่อว่าเราสามารถรับมือได้อย่างแน่นอนค่ะ

ที่มาข้อมูล-ภาพ

https://www.bangkokbiznews.com/

https://www.matichon.co.th/

ข่าวปักหมุด