ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานและปัญหาสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-Economy) กำลังกลายเป็นความหวังใหม่ที่จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ให้ดีขึ้น
เศรษฐกิจชีวภาพคือระบบเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างชาญฉลาด โดยนำทรัพยากรหมุนเวียนจากธรรมชาติมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ได้เปลี่ยนมุมมองที่เคยมีต่อของเหลือทิ้ง เช่น ซากพืช ซากสัตว์ และจุลินทรีย์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นวัตถุดิบล้ำค่าในระบบเศรษฐกิจชีวภาพ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เราสามารถแปรรูปสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นพลังงานสะอาด วัสดุทดแทน และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในตัวอย่างสำคัญของเศรษฐกิจชีวภาพคือการผลิต พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) ซึ่งเกิดจากการแปรรูปพืชหรือของเสียจากสัตว์ให้กลายเป็นพลังงาน กระบวนการนี้ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดปริมาณขยะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ตัวอย่างความสำเร็จในไทย:
โรงงานผลิตน้ำตาลของ กลุ่มมิตรผล ได้ใช้ชานอ้อย ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล มาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เป็นระบบที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทั้งในด้านการผลิตอาหาร (น้ำตาล) และพลังงาน (ไฟฟ้า)
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่โดดเด่นคือ พลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ผลิตจากวัตถุดิบชีวมวล เช่น แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาล หรือเซลลูโลสจากพืช แทนการใช้ปิโตรเลียม
การเปลี่ยนมาใช้พลาสติกชีวภาพจะช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกที่กำลังคุกคามระบบนิเวศ โดยเฉพาะในมหาสมุทร และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตได้อีกด้วย
ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรชีวภาพและผลผลิตทางการเกษตร ทำให้มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ ภายใต้นโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” รัฐบาลได้กำหนดให้เศรษฐกิจชีวภาพเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ตัวอย่างนวัตกรรมในไทย:
แม้เศรษฐกิจชีวภาพจะมีศักยภาพสูง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น
อย่างไรก็ตาม ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน เชื่อว่าเศรษฐกิจชีวภาพจะเติบโตอย่างมั่นคง และนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงในอนาคต
ขอบคุณที่มา : https://www.krungsri.com/