หน้าแรก

เข้าใจน้ำตาลอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพกายและใจที่สมดุล

เมื่อพูดถึง “น้ำตาล” หลายคนอาจรู้สึกกังวล นึกถึงโรคเบาหวาน น้ำหนักเกิน หรือความเสี่ยงต่อสุขภาพต่าง ๆ แต่ในความเป็นจริง ร่างกายของเรายังจำเป็นต้องใช้น้ำตาลเป็นพลังงาน โดยเฉพาะ “กลูโคส” ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของสมอง น้ำตาลจึงไม่ใช่ผู้ร้าย หากบริโภคอย่างเหมาะสมก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายและจิตใจได้มากกว่าที่คิด

น้ำตาล: พลังงานดีที่ควรมีอย่างพอดี

น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถย่อยและเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เดิน วิ่ง คิด หรือเรียนหนังสือ ร่างกายต่างต้องการพลังงานจากน้ำตาล โดยเฉพาะในช่วงที่รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง หรือไม่มีสมาธิ น้ำตาลในปริมาณเล็กน้อยสามารถช่วยคืนความสดชื่นให้ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

สิ่งสำคัญคือต้อง “กินในปริมาณที่เหมาะสม” องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ผู้ใหญ่บริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 25 กรัม ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน และปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว

น้ำตาลช่วยเติมพลังใจ

กลูโคสจากน้ำตาลไม่ได้มีผลแค่ร่างกาย แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ของเราอีกด้วย หากร่างกายขาดน้ำตาลมากเกินไป อาจส่งผลให้รู้สึกหงุดหงิด วิงเวียน หรือไม่มีสมาธิ

การบริโภคของหวานเบา ๆ อย่างช็อกโกแลตนม ขนมไทย หรือผลไม้หวาน เช่น กล้วยหรือมะม่วงสุก ในปริมาณที่พอดี จะช่วยกระตุ้นสมองให้หลั่งสารแห่งความสุข “เซโรโทนิน” ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น และอารมณ์ดีขึ้น แต่หากบริโภคมากเกินไป อาจส่งผลตรงกันข้าม เช่น รู้สึกหนักตัว ง่วง หรือกระวนกระวายได้ ดังนั้น “วันละนิด” จึงเป็นเคล็ดลับที่สำคัญ

น้ำตาลธรรมชาติ vs น้ำตาลเติมแต่ง

น้ำตาลที่เราบริโภคในแต่ละวันมีทั้งจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาลในผลไม้และนม และน้ำตาลที่เติมเข้าไปในอาหาร เช่น น้ำตาลทราย น้ำเชื่อม หรือฟรุกโตสในน้ำอัดลม

การเลือกแหล่งน้ำตาลที่ดี เช่น ผลไม้สด หรือขนมที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ถั่วเขียวต้มน้ำตาล หรือน้ำเต้าหู้ที่ไม่หวานจัด ก็เป็นตัวเลือกที่ให้ความหวานอย่างพอดีและดีต่อสุขภาพ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดภายหลัง

น้ำตาลกับกิจกรรมประจำวัน

สำหรับผู้ที่ทำงานหนัก ออกกำลังกาย หรืออยู่กลางแจ้ง การเติมน้ำตาลเล็กน้อยในเครื่องดื่ม หรือรับประทานของหวานหลังมื้ออาหาร สามารถช่วยเพิ่มพลังงานและฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

ที่สำคัญ ไม่ควรงดน้ำตาลอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เพราะการขาดน้ำตาลอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย สมองทำงานช้าลง และเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

น้ำตาล ไม่ใช่ศัตรู ถ้ารู้จักกินอย่างพอดี

“กินน้ำตาลวันละนิด จิตแจ่มใส” ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่คือแนวคิดที่ช่วยให้เรามีความสุขกับการกินได้ โดยไม่ต้องกังวลกับผลเสียในระยะยาว เพราะเช่นเดียวกับทุกสิ่งในชีวิต ถ้าใช้ให้พอดี น้ำตาลก็มีคุณค่าเสมอ

เลือกกินอย่างรู้เท่าทัน เลือกหวานอย่างชาญฉลาด แล้วสุขภาพกายและใจของเราก็จะดีไปพร้อมกันค่ะ

ที่มาข้อมูล :

ข่าวปักหมุด