หน้าแรก

ในโลกของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “ชาเขียว” และ “มัทฉะ” ถือเป็นสองเมนูยอดนิยมที่หลายคนรู้จักกันดี รสชาติหอมละมุนและคุณประโยชน์มากมายทำให้เป็นตัวเลือกของคนรักสุขภาพ แต่แม้จะมาจากต้นชาเดียวกัน (Camellia sinensis) ทั้งสองชนิดนี้กลับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องรสชาติ กระบวนการผลิต ปริมาณสารอาหาร และประโยชน์ที่ได้รับ การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้มิตรชาวไร่เลือกดื่มได้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง

ชาเขียว สดชื่นและดื่มง่ายในทุกวัน

ชาเขียวที่เรารู้จักกันทั่วไป มักผลิตจากใบชาที่ผ่านกระบวนการนึ่งเพื่อหยุดการหมัก จากนั้นรีดและตากแห้งเพื่อเก็บรักษากลิ่นและรสชาติให้นาน เมื่อจะดื่มก็นำใบชามาชงกับน้ำร้อนแล้วกรองกากออก

รสชาติของชาเขียวจะมีความอ่อน สดชื่น และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ช่วยผ่อนคลาย ทำให้เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับการดื่มระหว่างวัน เพื่อช่วยปลุกความกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อยโดยไม่แรงเกินไป อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย

ประโยชน์หลักของชาเขียว ได้แก่

  • ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระตุ้นสมองเบา ๆ
  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (โดยเฉพาะ Catechins)
  • อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเบาหวาน
  • ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

มัทฉะ เข้มข้นกว่า ทั้งรสชาติและคุณประโยชน์

มัทฉะมีความพิเศษตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก ก่อนเก็บเกี่ยวจะมีการ พรางแสง ให้ต้นชาได้รับแสงแดดน้อยลงประมาณ 3–4 สัปดาห์ วิธีนี้จะช่วยลดความขม เพิ่มปริมาณกรดอะมิโน (โดยเฉพาะ L-Theanine) ทำให้ได้รสชาตินุ่มนวลและมีความหวานละมุนตามธรรมชาติ

หลังเก็บเกี่ยว ใบชาที่ได้ (เรียกว่า “เทนฉะ”) จะถูกนำมานึ่ง รีด และตากแห้งเช่นเดียวกับชาเขียว แต่ต่างกันตรงที่จะนำใบไปบดด้วยโม่หินจนกลายเป็นผงละเอียดสีเขียวสด และเมื่อชงมัทฉะ เราจะดื่มทั้งใบชาโดยตรง ไม่ได้กรองออก จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารทั้งหมดที่อยู่ในใบชา

มัทฉะมีคาเฟอีนสูงกว่าชาเขียวทั่วไปประมาณ 2–3 เท่า และยังมีสาร EGCG (Epigallocatechin gallate) ในปริมาณเข้มข้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็ง ลดไขมันในเลือด และเร่งระบบเผาผลาญไขมัน

ประโยชน์ของมัทฉะ ได้แก่

  • ให้พลังงานและความกระปรี้กระเปร่านานขึ้น เพราะคาเฟอีนทำงานร่วมกับ L-Theanine
  • ต้านอนุมูลอิสระได้เข้มข้นกว่าชาเขียวทั่วไปหลายเท่า
  • ช่วยเผาผลาญไขมันและควบคุมน้ำหนัก
  • เสริมสมาธิและความผ่อนคลายไปพร้อมกัน
  • มีใยอาหารจากใบชาเต็ม ๆ

เลือกดื่มอย่างไรให้เหมาะสม

  • ถ้าต้องการดื่มเพื่อความสดชื่นระหว่างวัน ชาเขียวเป็นตัวเลือกที่เหมาะ ดื่มง่าย คาเฟอีนไม่สูงเกินไป
  • ถ้าต้องการสารอาหารเข้มข้นและพลังงานยาวนาน มัทฉะตอบโจทย์ เพราะให้คาเฟอีนสูงและสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า
  • ถ้าคุณไวต่อคาเฟอีน ควรเลือกชาเขียว หรือดื่มมัทฉะในปริมาณน้อย และไม่ควรดื่มช่วงเย็น
  • ถ้าต้องการควบคุมน้ำหนัก มัทฉะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีกว่า

ชาเขียวและมัทฉะต่างก็มีข้อดีของตัวเอง แม้จะมาจากต้นชาเดียวกัน แต่ต่างกันในเรื่องกระบวนการผลิต รสชาติ และปริมาณสารอาหาร การเลือกดื่มให้เหมาะกับร่างกายและไลฟ์สไตล์จะช่วยให้มิตรชาวไร่ได้รับประโยชน์สูงสุด และดื่มอย่างเพลิดเพลินในทุก ๆ วัน

ขอบคุณที่มา :

https://www.msn.com/

https://www.healthline.com/

ข่าวปักหมุด