หน้าแรก

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อ้อย เป็นพืชล้มลุกที่ให้คุณประโยชน์ได้มากมาย ทั้งประโยชน์โดยตรง และการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม ประโยชน์โดยตรงก็มีทั้ง เป็นอาหารมนุษย์ อาหารสัตว์ ใช้เป็นเชื้อเพลิง รวมไปถึงใช้ปกคลุมบำรุงดิน ส่วนประโยชน์ด้านอุตสาหกรรม ได้แก่ การนำอ้อยไปผลิตเป็นน้ำตาล และผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล สามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ใช้ผลิตเป็นวัสดุก่อสร้าง ผลิตเยื่อกระดาษ ผลิตเอทานอล และอีกมากมายสารพัดประโยชน์

ดูเหมือนว่าส่วนประกอบของอ้อยทั้งต้นแทบจะไม่ต้องทิ้งเลยทีเดียว แต่ทำไม?

ทำไมในแต่ละปีช่วงหีบอ้อยเข้าโรงงาน มักมีใบอ้อยจำนวนมากที่ถูกเผา หรือฟันทิ้งหลังฤดูกาลตัดอ้อย เขาเหล่านั้นทราบหรือไม่ว่า กำลังเผาทำลายสิ่งเหล่านี้

เผา “เงิน” ที่ควรจะได้จากการขายใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิง

เผา “เชื้อเพลิง” ที่สามารถนำไปผลิตไอน้ำสร้างกระแสไฟฟ้าได้

ทำลาย “วัสดุปกคลุมดินชั้นดี” ที่จะช่วยคืนธาตุอาหารหลายชนิด คงความชุ่มชื้น และคลุมวัชพืชให้แก่ดิน

ทำลาย “อาหารสัตว์” ที่ช่วยให้สัตว์อิ่มท้อง และเจริญเติบโตได้อีกหลายร้อยหลายพันตัว

ใช่แล้วค่ะ ยอดอ้อยหรือใบอ้อย เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของสัตว์กินหญ้าอย่างโค กระบือ ม้า เพราะใบอ้อยมีคุณค่าโภชนะที่ใกล้เคียงกับฟางข้าว มีโปรตีน 4-6% นอกจากนี้ยังมีเยื่อใยส่วนที่ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าฟางข้าวอีกด้วย ที่สำคัญใบอ้อยมีความหวาน ทำให้น่ากินมากกว่าฟางข้าวซะอีก

มีเกษตรกรหลายรายค่ะที่ปลูกอ้อยแล้วนำใบอ้อยไปใช้ด้านปศุสัตว์ โดยเฉพาะช่วงแล้งที่เกิดปัญหาขาดแคลนหญ้าสด แต่เป็นระยะที่มีใบอ้อยจำนวนมาก เกษตรกรที่ปลูกอ้อยและเลี้ยงสัตว์จึงพลิกวิกฤตเป็นโอกาสนำยอดอ้อยสดมาทำเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งวิธีทำมีดังนี้ค่ะ

  1. วิธีทางกายภาพ คือการเปลี่ยนแปลงรูปร่างใบอ้อยให้มีขนาดเล็กลง ให้สัตว์กินได้ในปริมาณมาก อัตราการไหลผ่านของอาหารจากกระเพาะเร็วขึ้น เช่น การสับเป็นท่อน การบด หรือการอัดบด
  2. วิธีใช้สารเคมี วิธีนี้มีผลทำให้ลักษณะรูปร่างและส่วนประกอบทางเคมีของใบอ้อยเปลี่ยนแปลง อาจทำให้สัตว์กินได้มากขึ้น และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ใช้สารยูเรียใส่ลงไปในใบอ้อย เป็นต้น
  3. การใช้ร่วมกัน ระหว่างวิธีกายภาพ และสารเคมี เช่น การสับ และบดร่วมกับสารเคมี เป็นต้น
  4. ใช้ยอดอ้อยร่วมกับอาหารเสริมโปรตีน เช่น อาหารข้น และพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ เช่น ใบกระถิน ใบมันสำปะหลัง เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่เกษตรกรนิยมใช้กันมากกว่าวิธีอื่น ๆ

ใบอ้อยกับคุณค่าทางปศุสัตว์-003.jpg

ในทางปฎิบัติที่เกษตรกรนำใบอ้อยไปใช้เลี้ยงสัตว์ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะยอดอ้อยสด และเสริมด้วยอาหารข้น ส่วนจะใช้ยอดอ้อยสดในรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยงสัตว์ ดังนี้

  1. ยอดอ้อยสดที่เก็บมาจากไร่ และนำมาให้สัตว์กิน วิธีนี้สัตว์จะเลือกกินแต่ใบอ้อยก่อน ส่วนปลายของลำต้นอ่อนจะมีลักษณะแข็งยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก ทำให้ต้องทิ้งส่วนที่สัตว์ไม่กิน
  2. ยอดอ้อยสด ที่นำมาสับด้วยมือเป็นท่อน ๆ สั้นหรือยาว แล้วแต่ผู้เลี้ยง ปกติจะสับยาวประมาณ 3-5 นิ้ว วิธีนี้จะทำให้สัตว์สามารถกินได้ง่ายขึ้น และจะกินได้ทั้งส่วนใบและส่วนยอด ทำให้สูญเสียน้อย จะเหลือแต่เฉพาะส่วนที่แข็งจริง ๆ ซึ่งสัตว์ไม่สามารถกินได้
  3. ยอดอ้อยสดที่เข้าเครื่องสับ เครื่องจะตีให้ยอดอ้อยทั้งยอดแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ มีความน่ากิน มีลักษณะนิ่ม ทำให้สัตว์สามารถกินได้หมดทั้งส่วนของยอดอ้อย ไม่ต้องเหลือทิ้ง

คุณค่าทางอาหารของใบอ้อย

แม้ใบอ้อยจะจัดเป็นอาหารหยาบคุณภาพต่ำ แต่มีเยื่อใยสูง โคกระบือสามารถย่อยและใช้ประโยชน์จากสารเยื่อใยเหล่านี้ได้ด้วยจุลินทรีย์ในกระเพาะส่วนของรูเมน เช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์ได้จากเยื่อใยในอาหารหยาบชนิดอื่น ๆ ใบอ้อยเมื่อนำมาวิเคราะห์จะมีส่วนประกอบทางเคมีแตกต่างกันไป แล้วแต่ชนิดหรือพันธุ์ของอ้อย อายุการตัด สภาพดินฟ้าอากาศ การใส่ปุ๋ย และการจัดการต่าง ๆ ใบอ้อยจะมีคุณค่าทางโภชนะต่ำกว่าหญ้า และใกล้เคียงกับฟางข้าว สามารถใช้เป็นอาหารโค-กระบือได้ทั้งในลักษณะสด แห้ง และหมัก แต่ต้องใช้ร่วมกับอาหารข้น หรือวัตถุดิบอาหารอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนะให้สูงขึ้น ดังนั้น ในการนำใบอ้อยมาเลี้ยงโค-กระบือ ควรต้องปรับปรุงคุณภาพก่อน ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่สะดวกสำหรับผู้ปฎิบัติ เพื่อให้สัตว์ได้รับโภชนะเพียงพอกับความต้องการ

มากด้วยประโยชน์ขนาดนี้แล้ว มิตรชาวไร่ที่ยังเผาใบอ้อยกันอยู่ ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลยเหรอคะ อย่างน้อย ๆ ใบอ้อยเหลือทิ้งเหล่านี้ สามารถนำออกมาใช้ในช่วงที่ขาดแคลนพืชอาหารสัตว์ได้ ที่สำคัญเป็นการนำผลพลอยได้ทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี จริงไหมคะ?

ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพจาก

http://nutrition.dld.go.th/

https://www.palangkaset.com/

https://www.youtube.com/watch?v=Bd_XtGYv7m0

 

 

ข่าวปักหมุด